WE CARE WE SHARE WE GROW ใส่ใจ แบ่งปัน เติบโตไปด้วยกัน
""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""
อยากเป็นนายหน้าชั้นดี
ต้องมีศักดิ์ศรีของตัวเอง
นับตั้งแต่ทำอาชีพนายหน้าขายทรัพย์มาใช่ว่าจะไม่เคยเกิดปัญหาขึ้น
เพราะอาชีพนี้ถ้าไม่มีเอกสารหลักฐานไว้ป้องกันตัวบอกได้เลยว่าเกือบร้อยทั้งร้อยมีปัญหา
เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าจะเชื่อใจฝ่ายใดได้มากน้อยแค่ไหนไม่ว่าจะเป็นเจ้าของทรัพย์หรือลูกค้า
แต่ไม่ว่าอย่างไรสิ่งหนึ่งที่ไม่อยากให้ทุกคนละทิ้งไปก็คือศักดิ์ศรีของตัวเอง
แม้ว่าศักดิ์ศรีจะกินไม่ได้ไม่ทำให้อิ่มท้อง
แต่ศักดิ์ศรีคือสิ่งหนึ่งที่แสดงถึงความเป็นมืออาชีพและความมีเกียรติของเรา
ดังนั้นทุกครั้งที่มีปัญหาเกิดขึ้นขอให้เราได้แก้ปัญหาอย่างมีสติ
หาทางออกที่ดีที่สุดเพื่อคลี่คลายปัญหาโดยที่ไม่เสียศักดิ์ศรีและคุณค่าในตัวเราเหมือนเรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้
มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ได้งานจากเพื่อนรุ่นท่านที่สนิทกัน
เป็นที่ดินมูลค่า 10 ล้านบาท ทันทีที่เริ่มงานไปได้ประมาณ 1 สัปดาห์
ก็สามารถหาลูกค้ามาซื้อทรัพย์ได้ ซึ่งอ่านแล้วว่างานนี้จะได้ค่าเหนื่อยอยู่ที่ 2% โดยให้ผู้ซื้อและผู้ขายเป็นผู้รับผิดชอบค่าโอนฝั่งละ
300,000 บาท แต่ด้วยความสนิทชิดเชื้อทำให้ไม่ได้ทำสัญญาปิด
ตรงนี้แหละที่นำไปสู่ปัญหาที่จะต้องแก้ไขโดยไม่ให้เสียชื่อตัวเอง
ปัญหาที่ว่าก็คือพอใกล้ถึงกำหนดนัดโอน
ผู้ซื้อกลับเปลี่ยนคำพูดจากที่จะรับผิดชอบค่าโอน 3 แสน
เป็นขอจ่ายแค่ครึ่งเดียวหรือแสนห้าแล้วที่เหลือให้ช่วยออกที่เหลือให้
ของขึ้นเลยตอนนั้นแม้ว่าในใจจะมีคำก่นด่าเป็นร้อยพันเราก็ทำได้แค่ตอบไปเรียบง่ายได้ใจความว่า
“มันไม่สำคัญนะว่ากี่แสนที่จะให้ช่วย
แต่คำถามคือทำไมจะต้องช่วย”
พอรุ่นท่านที่เป็นเจ้าของทรัพย์ทราบเรื่องด้วยความใจดีถึงกับยื่นข้อเสนอว่าจะออกเงินแสนห้านั้นแทนเลยทีเดียว
ซึ้งในน้ำใจมากแต่มั่นใจว่าทรัพย์ของท่านแปลงนี้สามารถขายให้คนอื่นได้แน่นอน
เพราะทรัพย์สวยมากคนอยากได้ก็เยอะ
สุดท้ายก็ยกเลิกการขายให้ผู้ซื้อผู้กลับกลอกคนนี้ไปแล้วขายให้คนอื่นแทน
ความซื่อสัตย์
ถือเป็นหัวใจสำคัญอย่างยิ่งในการทำธุรกิจ
หากเราทำตัวกลับกลอกไปมาสุดท้ายไม่ว่าจะขายเก่งแค่ไหนก็จะไม่เหลืออะไรแม้แต่ความเชื่อมั่นในชื่อเสียงของเรา
กฎ 1 ใน 100 ก่อนถอดใจไม่เป็นนายหน้าขายทรัพย์
การเป็นนายหน้าขายทรัพย์ดูเหมือนจะง่ายใคร ๆ ก็ทำได้
แต่ก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่พอเริ่มทำไปก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะได้รับทรัพย์กับเขาเสียที
ทั้งที่ยังไม่ทันสำรวจตรวจสอบตัวเองเลยว่าแท้จริงแล้วสาเหตุของปัญหานั้นมันคืออะไรมันอยู่ที่ใด
วันนี้เลยตัดสินใจเอากฎ 1 ใน 100
ที่ยึดไว้เป็นหลักในการทำงานเสมอตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงวันนี้มาให้ทุกคนได้เรียนรู้กัน
เพราะอาชีพนายหน้าขายทรัพย์เป็นอาชีพที่มีทั้งคนที่ต้องการและไม่ต้องการโดยเฉพาะเจ้าของทรัพย์
จึงไม่แปลกที่นายหน้ามือใหม่แม้จะมีรายการทรัพย์อยู่นับร้อยในมือจะถูกปฏิเสธ
พอได้งานเจ้าของทรัพย์ก็ดันเล่นลูกไม้อดได้ค่าเหนื่อยกันอีกทำเอาถอดใจไม่อยากทำอาชีพนี้กันต่อไปแล้ว
ขอม้วนเสื่อกลับไปทำมาหากินแบบเดิมกันดีกว่า
อย่า อย่าเพิ่ง
ใครที่กำลังคิดแบบนี้อยู่อยากให้หยุดคิดทบทวนสักนิดว่าตลอดชีวิตการเป็นนายหน้านั้นคุณเริ่มมันแบบไหน
ยังไง ถึงได้ล้มแบบนี้ ก่อนอื่นต้องดูก่อนว่าเรามีจุดแข็งจุดอ่อนยังไง
จะพลิกวิกฤติแล้วเพิ่มโอกาสด้วยวิธีไหนได้บ้าง
ยิ่งถ้าคุณเพิ่งทำไปได้แค่ไม่กี่ทรัพย์ไม่กี่สิบทรัพย์แล้วรีบท้อ
ว่าเอาเวลามาหาข้ออ้างที่ทำให้ตัวเองล้มเหลวไปศึกษาวิธีที่คนอื่นทำแล้วสำเร็จดีกว่า
ศึกษาว่าทำอย่างไรถึงจะประสบความสำเร็จ และทำอย่างไรถึงจะล้มเหลว
ถึงตอนนั้นก็ตัดสินใจเอาเองแล้วกันว่าคุณอยากเป็นคนที่ประสบความสำเร็จหรือว่าล้มเหลว
แต่สำหรับแล้วมักจะบอกน้อง ๆ
เสมอว่าตราบใดที่ยังไม่ได้ขายถึงร้อยทรัพย์อย่าเพิ่งท้อหรือถอดใจ
เพราะนักขายทรัพย์มืออาชีพทุกคนล้วนแต่เคยขายมาเกิน 100 ทรัพย์ทั้งนั้นและคนเหล่านี้จะมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือพวกเขาเชื่อว่าตัวเองทำได้
คนอื่นทำได้เราก็ต้องทำได้
ทันทีที่ขายไม่ออกก็จะรีบวิเคราะห์ปัญหาทันทีว่าทำไมกันนะถึงขายทรัพย์นี้ไม่ได้ทั้งที่เราคิดว่ามันน่าจะขายได้แล้วแท้
ๆ
เมื่อทำอย่างนี้ซ้ำ ๆ จนกลายเป็นนิสัยติดตัวแล้วใน 100 ทรัพย์มันจะไม่มีแม้แต่สักทรัพย์เลยหรือที่เราจะขายได้
อย่างน้อยถึงจะขายได้แค่ 1 ใน 100 ก็อยากให้คุณถือว่านั่นคือความสำเร็จแล้ว
เพราะมันจะกลายเป็นขุมพลังอันยิ่งใหญ่ที่ทำให้คุณต่อยอดไปได้เรื่อย ๆ
และกลายเป็นนายหน้าขายทรัพย์ระดับแนวหน้าอย่างแน่นอน
เห็นไหมล่ะว่ากฎ 1 ใน 100 มันไม่ได้ยากเย็นอะไรเลย
ขอแค่คุณมีความตั้งใจและมุ่งมั่นที่จะทำมันให้สำเร็จเพียงเท่านี้คุณก็จะกลายเป็นนายหน้าขายทรัพย์มืออาชีพที่ภาคภูมิใจในที่สุด